Performance Economy Model แนวคิดที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์

เมื่อสิ่งของเครื่องใช้อย่าง สมาร์ตโฟน เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือรถยนต์ที่ใช้งานถึงคราวเสื่อมสภาพหรือเริ่มชำรุด การเลือกที่จะทิ้งของเก่าและซื้อใหม่ทันทีอาจเป็นเรื่องปกติ แต่จะดีกว่าไหมหากเราสามารถใช้สิ่งของเหล่านั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของอย่างถาวร เช่น การเช่ารถยนต์แทนการซื้อ หรือการเช่าอุปกรณ์เทคโนโลยีที่สามารถอัปเกรดได้ตลอดเวลา
แนวคิด 'Performance Economy Model' ได้รับการพัฒนาโดย
Walter Stahel โมเดลนี้ไม่เพียงเน้นที่การผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน แต่ยังมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์ผ่านการเช่า ยืม แลกเปลี่ยน และการยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์
โดยการซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดการผลิตของใหม่ ลดปริมาณของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร ในขณะเดียวกันผู้บริโภคยังคงได้รับบริการและประสบการณ์ที่ต้องการอย่างครบถ้วน
Performance Economy Model เน้นการใช้บริการหรือเช่าใช้ผลิตภัณฑ์แทนการเป็นเจ้าของ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรหรือบุคคลได้โดยไม่จำเป็นต้องครอบครองทรัพย์สินจริง ๆ ในองค์กร ธุรกิจสามารถเลือกเช่าอุปกรณ์หรือใช้บริการจากภายนอกเพื่อลดค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากในการดูแลรักษา ตัวอย่างเช่น การเช่าบริการเครื่องจักรแทนการซื้อขาด หรือ
การใช้บริการคลาวด์แทนการตั้งเซิร์ฟเวอร์เองในองค์กร สิ่งเหล่านี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โมเดลนี้ประกอบด้วยแนวคิดหลัก ๆ ดังนี้
การยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่าง เฟอร์นิเจอร์ไม้ หากดูแลรักษาและซ่อมแซมเป็นอย่างดีก็จะอยู่ได้หลายสิบปีและยังคงความสวยงาม เช่นเดียวกับแนวคิดการยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ใน Performance Economy ซึ่งเน้นการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความจำเป็นในการเปลี่ยนสินค้าใหม่ ลดการใช้ทรัพยากร และลดขยะที่เกิดขึ้นจากการทิ้งผลิตภัณฑ์เก่า
การขายบริการแทนการขายขาดสินค้า ตัวอย่าง เครื่องถ่ายเอกสาร หลายองค์กรเลือกใช้บริการเช่าเครื่องแทนที่จะซื้อขาด เนื่องจากสามารถลดภาระการบำรุงรักษาและลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องใหม่ บริษัทที่ให้บริการจะดูแลการซ่อมบำรุงและการอัปเกรดเครื่องให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา แนวคิดการขายบริการแทนการขายขาดนี้ทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้รับความสะดวกและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น
การออกแบบที่คำนึงถึงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การออกแบบจักรยานให้สามารถแยกชิ้นส่วนได้อย่างง่ายดาย เมื่อจักรยานผ่านการใช้งานไประยะหนึ่ง บางชิ้นส่วนอาจเสียหายหรือเสื่อมสภาพ แต่ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เราสามารถถอดเปลี่ยนเฉพาะชิ้นส่วนที่เสียหายได้แทนที่จะต้องทิ้งจักรยานทั้งคัน แนวคิดนี้ช่วยลดการผลิตขยะและช่วยให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ถูกนำกลับมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
Performance Economy Model ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัทยานยนต์หลายแห่งเปลี่ยนจากการขายรถยนต์เป็นการให้เช่าหรือการให้บริการตามระยะทางที่ใช้ การให้บริการนี้ช่วยให้บริษัทสามารถดูแลรักษารถยนต์ได้อย่างต่อเนื่อง และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้มากขึ้น
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น สมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ การให้บริการในการปรับปรุงอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ หรือการนำชิ้นส่วนที่ยังใช้ได้กลับมาใช้ใหม่ในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์
อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เน้นการให้บริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า แทนที่จะขายเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ การให้บริการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการผลิตขยะ แต่ยังช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
อุตสาหกรรมแฟชั่น เช่น การเช่าชุดหรือเครื่องแต่งกายแทนการซื้อ หรือการนำเสื้อผ้ามือสองกลับมาขาย เป็นการช่วยลดปริมาณการผลิตเสื้อผ้าใหม่ และลดการใช้ทรัพยากรอีกด้วย
อุตสาหกรรมก่อสร้าง การนำวัสดุก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานและสามารถรีไซเคิลได้กลับมาใช้ใหม่ช่วยลดของเสียจากการก่อสร้างได้ รวมถึงการให้บริการซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างเดิมแทนที่จะรื้อทิ้งและสร้างใหม่ทั้งหมด
การเปิดโลกทัศน์ใหม่ในเรื่องของการบริโภคและการใช้ชีวิตในยุคที่ทรัพยากรธรรมชาติมีจำกัด การไม่ 'ครอบครอง' แต่ได้ 'ใช้' ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และบำรุงรักษาสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้ว นี่คือหัวใจของ Performance Economy Model แนวคิดที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน
ขอบคุณที่มาโดย : Pisit Poocharoen. MM MODERN MANUFACTURING ขอบคุณภาพโดย : Jcomp on Freepik อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม >> คลิกที่นี่