A comprehensive guide to manufacturers, distributors, and suppliers providing machinery, industrial equipment and automation system in Thailand.

ARTICLES & ADVERTORIALS

    

การประยุกต์ใช้ IoT และ Big Data ในการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน





ในยุคสมัยที่ทรัพยากรธรรมชาติบนโลกของเรานั้นเริ่มลดลง ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติที่เริ่มหายากขึ้นเรื่อย ๆ การจัดการทรัพยากรให้สามารถใช้ประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป มนุษย์จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรอย่างเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้มีแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) สำหรับวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตเพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

Untitled design - 1


IoT (Internet of Things) คือ เครือข่ายของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกันผ่านอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูลและรับคำสั่งจาก ระบบคอมพิวเตอร์ โดยการใช้เซนเซอร์และตัวกระตุ้น (Actuators) ซึ่งทำให้เราสามารถควบคุมและตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ได้จากระยะไกล ตัวอย่างของอุปกรณ์ IoT ได้แก่ เซนเซอร์ตรวจวัดความชื้นในดิน เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือระบบควบคุมอุณหภูมิในอาคาร เป็นต้น

Big Data คือ ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลเหล่านี้มักมีปริมาณมากจนไม่สามารถวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิมได้ การนำ Big Data มาวิเคราะห์สามารถช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมและแนวโน้มต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น



การนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ในการจัดการทรัพยากรน้ำ

'น้ำ' เป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีจำกัด การใช้งานเทคโนโลยี IoT ในการจัดการน้ำสามารถช่วยให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดการสูญเสียน้ำ และการใช้น้ำเกินจำเป็นได้ ตัวอย่างเช่น
  • การใช้ เซนเซอร์ ในการตรวจวัดระดับน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ
  • การใช้ระบบส่งจ่ายน้ำอัตโนมัติที่สามารถปรับปริมาณน้ำตามความต้องการของพืชในเวลาที่เหมาะสม
  • ระบบส่งจ่ายน้ำอัจฉริยะที่ใช้ IoT และการประมวลผลด้วยคลาวด์เพื่อปรับปรุงการจัดการน้ำในเกษตรกรรม


    การนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ในการทรัพยากรด้านพลังงาน

    การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี IoT สามารถใช้ในการตรวจวัดและควบคุมการใช้พลังงานในอาคารหรือโรงงานได้ ตัวอย่างเช่น
  • การใช้เซนเซอร์ในการตรวจวัดการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิด
  • การใช้ ระบบควบคุมอัจฉริยะ ในการปรับการใช้พลังงานตามความต้องการ
  • นอกจากนี้ยังใช้ IoT ในการจัดการพลังงานหมุนเวียนได้อีกด้วย เช่น การใช้เซนเซอร์ในการตรวจวัดการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนและการเก็บข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต


    การนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ในการจัดการของเสีย

    การจัดการของเสียเป็นปัญหาที่สำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี IoT สามารถใช้ในการตรวจวัดและติดตามการจัดการของเสีย เช่น การใช้เซนเซอร์ในการตรวจวัดปริมาณขยะ การใช้ระบบติดตามการเก็บขยะในพื้นที่ต่าง ๆ การจัดการการรีไซเคิล การลดปริมาณขยะที่ส่งไปยังที่ทิ้งขยะได้ นอกจากนี้ยังมีระบบการจัดการขยะอัจฉริยะ (Intelligent Waste Management System – IWMS) ที่ช่วยให้การจัดการขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้พลังงานที่ต่ำลง ตลอดจนมีการกำหนดเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับรถขนขยะ ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและเวลาในการเดินทาง


    การนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ในการจัดการอากาศ

    การตรวจวัดคุณภาพอากาศเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี IoT สามารถใช้ในการตรวจวัดและติดตามคุณภาพอากาศในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น การใช้เซนเซอร์ในการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองหรือสารมลพิษในอากาศ ข้อมูลที่ได้จากเซนเซอร์สามารถใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงคุณภาพอากาศในพื้นที่ที่มีปัญหาได้


    การใช้งาน IoT และ Big Data ในการจัดการทรัพยากรในด้านต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงช่วยลดการสิ้นเปลืองทรัพยากร แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกด้วย



    ขอบคุณที่มาโดย : Pisit Poocharoen. MM MODERN MANUFACTURING

    ขอบคุณภาพโดย : Generate AI Image - Canva

    อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม >> คลิกที่นี่