เติมเต็มช่องว่าง IT และ OT ในโรงงานอุตสาหกรรม 4.0 กับงาน AUTOMATION SUMMIT 2023
เมื่อการแข่งขันในโลกของธุรกิจการผลิตยุคปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายตลอดเวลา เทคโนโลยีใหม่ ๆ จึงมีเป็นส่วนสำคัญในการเอาชนะการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันการมาถึงของเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ IT นั้นแตกต่างไปจากเทคโนโลยีที่ใช้กันโดยทั่วไปในโรงงานดั้งเดิม การบูรณาการ IT และ OT เข้าด้วยกันจึงมักเกิดปัญหาใหม่ ๆ ขึ้นหลากหลายรูปแบบ กลายเป็นช่องว่างที่เติมให้เต็มได้ยาก ไม่ว่าจะในแง่ของการสื่อสารระหว่างผู้คนในองค์กร การสื่อสารของเทคโนโลยีกันเอง
IT/OT ความเหมือนที่แตกต่างIT หรือ Information Technology เป็นเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว ธุรกิจ การบริหารจัดการภาพรวมของเศรษฐกิจ ความปลอดภัย ตลอดจนความมั่นคง เทคโนโลยี IT นั้นประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีการทำงานร่วมกัน แม้หัวใจสำคัญของเทคโนโลยียุคปัจจุบันจะอยู่ในรูปของดิจิทัลหรือซอฟต์แวร์ แต่ฮาร์ดแวร์เองก็เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ควบคุมหรือเป็นทรัพยากรพื้นฐานเพื่อให้สามารถใช้งาน
ซอฟต์แวร์ ได้ด้วยเช่นกัน
OT หรือ Operational Technology มีความเป็นกายภาพสูงกว่า IT ออกแบบมาสำหรับภารกิจหรือกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นหลัก เช่น การปั๊มโลหะ
ระบบสายพาน หรือ
Machine Tool ต่าง ๆ แตกต่างกับ IT ที่สามารถประมวลผลหรือทำงานที่ซับซ้อนและหลากหลายได้ สามารถกำหนดการทำงานเป็นลำดับขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดร่วมที่สำคัญของ IT และ OT นั้นอยู่ที่การเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนผู้ใช้ให้ทำภารกิจเสร็จสมบูรณ์ตามความต้องการ โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นมักเป็นกิจกรรมที่มนุษย์ไม่อาจทำได้ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากเปรียบเทียบอย่างง่ายแล้ว IT เหมือนเป็นเทคโนโลยีด้านความคิด วิเคราะห์ ในขณะที่เทคโนโลยี OT เน้นไปในกิจกรรมกายภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับมนุษย์ที่เราสามารถคิดหรือจินตนาการแบบ Multitask ได้ ในขณะที่กิจกรรมทางร่ายกายนั้นเกิดขึ้นได้อย่างจำกัด
เมื่อเทคโนโลยี IT เกิดขึ้นจึงเริ่มมีการนำเทคโนโลยี IT มาเสริมให้กับการทำงานของ OT ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลกิจกรรมที่เกิดขึ้น การทำงานร่วมกันของเครื่องจักรและเทคโนโลยีทั้งหมดแบบอัตโนมัติ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีเพื่อคาดการณ์แบบ Real-time เพื่อทำให้ความสูญเปล่าที่เคยมีเป็นศูนย์
ความท้าทายของผู้บริหารโรงงานยุคดิจิทัลเมื่อกิจกรรมในโรงงานนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่การผลิต คลังสินค้า ตรวจวัดคุณภาพ การตลาด การบริการ การบริหาร งานซ่อมบำรุง ฯลฯ ผู้ปฏิบัติงานอาจไม่รู้จักงานในภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งหมด ในขณะที่ผู้บริหารที่ต้องตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ นั้นต้องเข้าใจในกิจกรรมที่สำคัญของธุรกิจเกือบทั้งหมดที่ไม่ใช่ความเข้าใจผิวเผินแต่ก็ไม่ใช่ความเข้าใจในระดับผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้น ความท้าทายสำคัญของผู้บริหารที่ต้องเผชิญในยุคใหม่ ได้แก่
1. เข้าใจภาพรวมและความต้องการของธุรกิจผู้บริหารที่ดีต้องมองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจตัวเองอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีข้อมูลที่สามารถจับต้องได้ เพื่อให้ประเมินความสามารถในการแข่งขันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทั้งยังสามารถเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการรักษาเทคโนโลยี Legacy ที่มีประสิทธิภาพหรือยกระดับด้วยเทคโนโลยีเพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
2. ให้ความสำคัญกับ ‘แรงงานทักษะ’ ในองค์กรการแข่งขันในยุคใหม่ที่พึ่งพาเทคโนโลยีอันหลากหลายนั้นจำเป็นต้องมีแรงงานหรือผู้ดำเนินการที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม การพัฒนาแรงงานให้กลายเป็นแรงงานทักษะสูงหรือการเฟ้นหานั้นกลายเป็นการแข่งขันลำดับต้น ๆ ของทุกธุรกิจในยุคปัจจุบัน การปรับรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรให้สอดรับกับความต้องการยุคดิจิทัลถือเป็นการเริ่มต้นที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ในระยะยาว
3. รู้จักเทคโนโลยีในความหมายสากลที่ถูกต้องนอกเหนือจากวิธีการบริหารจัดการ งานบัญชี และงานด้านกลยุทธ์แล้ว ผู้บริหารจำเป็นต้องรู้จักเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้ครอบคลุม โดยเฉพาะเทคโนโลยี IT ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ Buzzword อย่าง Digital Twin, AI ไปจนถึง Data Sovereignty หรือ Network Slicing ภายใต้ความหมายสากลเพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างเข้าใจ ไม่เกิดการสื่อความที่คลาดเคลื่อน และทำให้การลงทุนเทคโนโลยีต่าง ๆ เกิดภาพความเข้าใจที่มีประสิทธิภาพ
ภายใต้การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และปัจจัยความท้าทายที่หลากหลาย ผู้บริหารองค์กรหรือธุรกิจการผลิตอาจไม่สามารถรวบรวมข้อมูลหรือทำความเข้าใจภาพรวมของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างครบถ้วน หลายครั้งการหาข้อมูลออนไลน์อาจไม่ได้ให้มิติที่ครบถ้วน และบางครั้งข้อมูลที่ได้อาจเป็นมาตรฐานเฉพาะของแบรนด์หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง สุดท้ายอาจกลายเป็นความเข้าใจผิดที่นำไปสู่ความล้มเหลวในการสื่อสาร หรือความพยายามสร้างการต่อยอด OT เดิมที่มีเข้ากับเทคโนโลยี IT ยุคใหม่อาจกลายเป็นความเสียหายทางธุรกิจที่ร้ายแรงกว่าเดิมก็เป็นได้ เพื่อเชื่อมต่อความรู้ และเติมเต็มช่องว่างของการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี IT และ OT ผู้บริหารในธุรกิจการผลิตจึงจำเป็นต้องเข้าใจเทรนด์ เทคโนโลยีสำคัญ รวมถึงเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เกิด Digital Transformation ในโรงงานที่ผสาน IT และ OT ได้จริง
งาน AUTOMATION SUMMIT 2023 ภายใต้แนวคิด
‘Smart Manufacturing for Digital Factory’ มุ่งเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการ Optimize เทคโนโลยี IT และ OT เข้าด้วยกันสำหรับผู้บริหารในธุรกิจอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เนื้อหาภายในงานแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. Digital Culture Evolution for the Manufacturing of the Future : แนวคิดอุตสาหกรรมการผลิตยุคดิจิทัล การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมกรณีศึกษาในการ Transformation
2. Smart Management for Smart Manufacturing 2024 : เครื่องมือสำหรับผู้บริหารในการจัดการทรัพยากรโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบทุกมิติ
3. Landscape of Smart IT & OT : ความสำคัญของเทคโนโลยี CPS พร้อมมาตรการความปลอดภัย Cybersecurity เพื่อให้เข้าใจทั้งมิติของ IT และ OT ก่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตของธุรกิจ
AUTOMATION SUMMIT 2023 จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00-18.00 น. ณ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ชั้น 5 ถนนพระรามที่ 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครลงทะเบียนเข้าร่วมงาน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ที่นั่งจำนวนจำกัด) สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3rWrEozสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 02 731 1192-4 ต่อ 309 หรือ 083 584 6677ขอบคุณที่มาและภาพโดย : Thos. MODERN MANUFACTURING